ประวัติของ Fu Hai Feng & Cai Yun
Men Double Champion Olympic 2012
ข้อมูลโดยย่อของไช่ยวินและฟู่ไฮ่เฟิง
ฟู่ไฮ่เฟิง (Fu Haifeng)
สถานที่เกิด: เมืองกวางตุ้ง, มณฑลกวางเจา
วันเกิด: 01-02-1984
ส่วนสูง: 180 ซม.
น้ำหนัก: 70 กก.
ฟู่ ไฮ่เฟิงเป็นนักแบดถนัดซ้าย เขาเข้าร่วมทีมประจำมณฑลในปี1998 ก่อนหน้าปี2002นั้นเขาตีในประเภทเดี่ยวมาโดยตลอด พอต้นปี2002, ทีมกวางตุ้งของฟู่ไฮ่เฟิงขาดคนลงแข่งในประเภทชายคู่เลยให้ฟู่ไฮ่ฟงที่ขณะ นั้นอายุได้ 18 ปีลงแข่งในแบดชิงแชมป์ทั่วประเทศ คู่ของฟู่ไฮ่เฟิงทะลุถึงรอบชิงและได้รองแชมป์ไปในที่สุด หลังจากนั้นทีมชาติก็เรียกตัวเขาให้เข้าร่วมทีมชาติในฐานะนักแบดประเภทคู่
ไช่ยวิน (Cai Yun)
สถานที่เกิด: ณฑลเจียงซู
วันเกิด: 19-01-1980
ส่วนสูง: 183 ซม.
น้ำหนัก: 68 กก.
ไช่ยวิ นเข้าเรียนในโรงเรียนพละศึกษาของซูโจวในปี1989 พอปี1993ก็ได้เข้าร่วมมณฑลซูโจว ในปี1999ก็ได้เข้าร่วมทีมชาติชุดบี ในปี2002, ไช่ยวินเปลี่ยนมาเล่นในประเภทคู่โดยจับคู่กันฟู่ไฮ่เฟิงมาจนถึงปัจจุบัน
ไช่ยวิน/ฟู่ไฮ่ฟง: คู่หูฟงยวิ๋น ขี่พายุทะลุฟ้า
เวลาที่ไช่ยวินและฟู่ไฮ่ฟงลงแข่งด้วยกันนั้น ทั้งสองแบ่งหน้าที่กันได้อย่างลงตัว ไช่ยวินจะรับผิดชอบพื้นที่ของครึ่งคอร์ทหน้าส่วนฟู่ไฮ่ฟงจะคอยหาหนทางโจมตีจากด้านหลัง คนนึงรับ, คนนึงรุก เป็นการผสานงานที่ดูลงตัวเป็นที่สุด ส่วนเวลาที่อยู่นอกสนามนั้น อุปนิสัยของทั้งสองก็แตกต่างกัน ฟู่ไฮ่เฟิงเป็นคนเก็บตัว ไช่ยวินชอบเฮฮากับเพื่อนฝูง ทั้งสองแตกต่างกันทั้งในสนามและนอกสนาม และเมื่อเราตามดูถึงประวัติของพวกเขาเราก็ยังพบอีกว่าเส้นทางแบดมินตันของ คู่นี้ก็แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
ไช่ยวินเริ่มสัมผัสกับแบดมินตันก็ เพราะเขาหาสิ่งที่จะทำให้เขาหนีจากการฝึกแอคคอเดี้ยนได้ พ่อของไช่ยวินบังคับให้เขาเรียนมันตั้งแต่ 6 ขวบ สำหรับเด็กที่ชอบกระโดดโลดเต้นอย่างไช่ยวินแล้วนั้น การต้องมานั่งนิ่ง ๆ เพื่อเล่นดนตรีเป็นอะไรที่ทรมานเอามาก ๆ
ตอนที่ไช่ยวินอยู่ชั้นป .3นั้น เขามักจะวิ่งได้เป็นที่หนึ่งเสมอ ครูพละเห็นว่าเขามีความสามารถทางกีฬาเลยพาเขาไปแนะนำให้กับโรงเรียนพละศึกษา ของมณฑลเพื่อเรียนแบดมินตัน พ่อแม่เองก็ยินยอมให้เขาไปเพราะรู้ว่าไช่ยวินไม่อยากเล่นดนตรีอีกต่อไป
เมื่อ เทียบกับไช่ยวินแล้ว, เส้นทางของฟู่ไฮ่เฟิงดูจะเป็นทางตรงโดยตลอด ตอนที่อายุได้ 7 ขวบ ทีมแบดมินตันประจำโรงเรียนพละศึกษาของกวางตุ้งเปิดรับสมัครเด็กเข้าฝึก ฟู่ไฮ่เฟิงผ่านการคัดตัวอย่างง่ายดาย ฟู่ไฮ่ฟงเดินตามเส้นทางสายแบดมินตันอย่างมั่นคง เขาพัฒนาขึ้นอย่างเป็นขั้นตอน เมื่อถึงปี2002เข้าก็ได้เข้าร่วมทีมประจำมณฑล หลังจากนั้นอีกแค่ 8 เดือนฟู่ไฮ่ฟงก็เป็นหนึ่งในนักแบดทีมชาติแล้ว ในตอนนั้นเขาอายุเพียงแค่ 18 ปี
เมื่อเปรียบกับฟู่ไฮ่เฟิง, เส้นทางแบดมินตันของไช่ยวินไม่ค่อยราบรื่นนัก พอเขาเรียนอยู่ที่โรงเรียนพละศึกษาของซูโจวจนขึ้นม.2 พ่อแม่ของเขาเห็นว่าไช่ยวินต้องเรียนหนัก การบ้านก็เยอะ พวกเขาเลยบอกให้ไช่ยวินเลิกตีแบด ไช่ยวินไม่ได้ไม่ซ้อมเลยหนึ่งเดือนเต็มจนโค้ชของเขาต้องมาตามและขอร้องให้ พ่อแม่ของไช่ยวินให้โอกาส “ให้ไช่ยวินลองดูอีกครั้งนะครับ ถ้าไช่ยวินได้แชมป์ในการแข่งขันกีฬาประจำมณฑล, เขาก็จะได้เข้าร่วมทีมมณฑลซูโจว” ไช่ยวินเองก็เชื่อว่าเขาเป็นนักแบดที่เก่งที่สุดในซูโจว และสุดท้ายเขาก็ทำได้อย่างที่หวัง
เมื่อได้เข้าร่วมทีมมณฑล การแข่งขันเพื่อชิงตำแหน่งในทีมมีสูงแต่ไช่ยวินก็มั่นใจว่าเขาจะทำได้ แต่ปัญหาของไช่ยวินในตอนนั้นกลับไม่ใช่ว่าจะได้แข่งหรือเปล่าแต่เป็นปัญหา เรื่องที่ว่าเขาจะได้เล่นแบดมินตันต่อไปหรือเปล่า ปัญหาก็คือไช่ยวินมีโรคหัวใจซึ่งเป็นมาแต่กำเนิด…..
ไช่ยวินเองก็รู้ ตัวว่าหัวใจของเขามีปัญหา บางเวลาที่ซ้อมแบดนั้นหัวใจของเขาจะเต้นแรงเหมือนมีกระต่ายกระโดดอยู่ข้างใน เมื่อเอามือทาบดูพอจะวัดได้ว่าเต้นมากกว่า200ครั้งต่อนาที นอกจากนี้เขายังรู้สึกเหมือนจะเป็นลมและหายใจไม่ออก ขาแขนก็หมดแรงจนยกไม่ขึ้น แต่พอได้พักซัก3-4นาทีอาการก็จะเป็นปกติ ไช่ยวินไม่ได้วิตกกับอาการของเขานักเพราะคิดว่ามันไม่สาหัสอะไร พักนิดหน่อยเขาก็สามารถกลับไปตีแบดต่อได้ แล้วอาการนี้ก็เป็นแค่บางเวลาอีกด้วย
แต่ดูเหมือนอาการที่มานาน ๆ ทีจะเริ่มบ่อยขึ้นทุกที จากครึ่งปีครั้งเป็นสองสามเดือนครั้งจนในที่สุดก็เป็นเดือนละครั้ง เมื่อไช่ยวินได้ตรวจร่างกายในปี2001จึงได้พบว่าหัวใจของเขาไม่เหมือนหัวใจคน ปกติโดยที่มีเส้นเลือดแปลก ๆ โผล่มาอีกเส้นหนึ่ง ไช่ยวินแอบไปผ่าตัดโดยไม่ให้พ่อแม่รู้ ไช่ยวินนอนพักในโรงพยาบาลไม่กี่วันแต่เขารู้สึกเหมือนเป็นปี เขาไม่รู้ว่าจะได้กลับไปเล่นแบดอีกหรือเปล่า เขาเริ่มคิดถึงการกลับไปเรียนหนังสือแทน
แต่ในที่สุดเมื่อคุณหมอยืนยันว่าเขาสามารถกลับไปตีแบดได้ ไช่ยวินจึงได้กลับสู่สนามแบดอีกครั้ง ปัญหาทั้งหลายสิ้นสุดลงแล้ว
ส่วน ฟู่ไฮ่เฟิงที่อ่อนกว่าไช่ยวิน 4 ปีไม่เคยมีเรื่องให้น่าหนักใจ ถ้าจะมีเรื่องหนักใจคงเป็นเรื่องที่จะไม่ได้เล่นเกมส์คอมพิวเตอร์ที่เขารัก มากกว่า ตอนที่เขาไปแข่งออลอิงแลนด์นั้น คืนก่อนแข่งหนึ่งวันฟู่ไฮ่เฟิงแอบเล่นเกมส์ในตอนดึก เขาคิดว่าโค้ชคงหลับกันหมดแล้ว คงไม่มีใครมาตรวจที่ห้องแน่ ๆ แต่ฟู่ไฮ่เฟิงคาดผิด ในคืนนั้นโค้ชลู่เสียงเหวินตื่นขึ้นมาเข้าห้องน้ำพอดี เขาเห็นแสงไฟจากหน้าจอคอมลอดมาจากห้องของฟู่ไฮ่เฟิง โค้ชลู่จึงริบคอมพิวเตอร์ของเขา
หลังจากได้แชมป์ออลอิงแลนด์ ฟู่ไฮ่เฟิงถึงได้คอมสุดที่รักของเขากลับคืน สำหรับฟู่ไฮ่เฟิงแล้ว การไม่ได้เล่นเกมส์ก็คงจะทำให้เขาเป็นโรคหัวใจได้เช่นกัน